วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ดัง MB&F

ณ บ่ายแก่ๆ วันหนึ่งที่ล็อบบี้เลาจน์ของโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ชายที่ชื่อฮาร์ริส ยาดีกาโรกลู (Charris Yadigaroglou) มาพบกับเราพร้อมกับนาฬิกาเอชเอ็ม ไฟว์ (HM5) นาฬิกาข้อมือดีไซน์ล้ำซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเอ็มบี แอนด์ เอฟ (MB&F) บนข้อมือ บุรุษผู้ดำรงตำแหน่งซีซีโอ (Chief Communications Officer) ของเอ็มบี แอนด์ เอฟผู้นี้มาพบกับเราด้วยท่าทางสบายๆ และรอยยิ้มที่เป็นมิตร  ซึ่งชวนให้เรานึกถึงแม็กซิมิเลียน บุซเซอร์ (Maximillian Busser) ผู้ก่อตั้งแบรนด์เอ็มบี แอนด์ เอฟ ขึ้นมาตะหงิดๆ "แบรนด์เอ็มบี แอนด์ เอฟ หมายถึง Maximillian Busser and Friends ครับ  ผมก็คงนับว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเขาก็ได้มั้ง  เพราะเราก็รู้จักกันมาก่อนที่ผมจะเข้ามาทำงานกับเขา"

จากประวัติที่ผ่านการทำงานด้านการตลาดให้กับเกรย์ แอดเวอร์ไทซิ่ง (Grey Advertising) และเครือโรงแรมใหญ่อย่างเครือเคมปินสกี้มาแล้ว ฮาร์ริสกล่าวว่าเขาตัดสินใจย้ายมาทำงานที่เอ็มบี แอนด์ เอฟเพราะประทับใจในตัวแม็กซิมิเลียนและแนวคิดของเขาโดยแท้ "ผมนับถือแม็กซ์มากครับ  เขาเคยอยู่กับนาฬิกาแบรนด์ดังแบรนด์หนึ่งที่เรียกได้ว่าใหญ่มาก  เขาทำให้แบรนด์ก้าวหน้าขึ้น แต่แล้ววันหนึ่ง ณ จุดสุงสุดของอาชีพ  เขาก็ตัดสินใจลาออกเพราะไม่รู้สึกสนุกกับการทำงานอีกต่อไป  แล้วเขาออกมาตั้งนาฬิกาแบรนด์เอ็มบี แอนด์ เอฟที่บ้านของเขาเอง  ซึ่งผมคิดว่านั่นต้องอาศัยความกล้าหาญมากเลยนะ" ฮาร์ริสบอก "เหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือคอนเซ็ปต์ของแบรนด์นี่ล่ะครับ  ที่นี่เหมือนเราทำงานกับเพื่อนๆ ที่มีความคิดคล้ายๆ กัน ให้ความสำคัญกับการทดลอง  จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์และ Creative Lab ของเราก็มีขึ้นเพราะสาเหตุนี้  เราสามารถลองทำอะไรสนุกๆ คิดอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากขนบดั้งเดิม"

และผลงานสร้างสรรค์ล่าสุดของ Creative Lab นี้ก็คือนาฬิกาข้อมือโฮโรโลจิคัล แมชชีน นัมเบอร์ ไฟว์ ออน เดอะ โร้ด อะเกน (Horolorgical Machine No.5 On the Road Again) ที่ได้แรงบันดาลใจจากซูเปอร์คาร์ที่นิยมมากในช่วงยุค '70s "เราคิดกันว่ายุค '70s นี่มันเป็นจุดเปลี่ยนของมนุษยชาติเลยนะครับ  คนขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้เป็นครั้งแรก  แล้วซูเปอร์คาร์ก็เกิดขึ้นในช่วงนั้นเหมือนกัน  ที่สำคัญคือรูปทรงของรถแบบนี้เรียกได้ว่าโมเดิร์นมาก  และก็มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์  ความโค้งและเส้นสายต่างๆ มันน่าสนใจมาก"  ดีไซน์ของเอชเอ็ม ไฟว์ที่ออกมาจึงเน้นไปที่รูปทรงโค้งเว้าเช่นกัน  โดยตัวหน้าปัดนาฬิกาข้อมือรุ่นนี้นั้นก็ออกแบบให้คล้ายกับแดชบอร์ด (dashboard) ของรถ "เหมือนเราสร้างซูเปอร์คาร์ที่ประดับอยู่บนข้อมือของคุณไงครับ"

นอกจากซูเปอร์คาร์แล้ว  แรงบันดาลใจจากยุค '70s อีกอย่างหนึ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นจากนาฬิกาข้อมือรุ่นนี้คือกลไกแบบควอตซ์  เพราะยุคนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของกลไกสุดคลาสสิกนี้ "ยุคนั้นมีนาฬิกาแบรนด์ดัง แบรนด์หนึ่งชื่ออามีด้า (Amida) แล้วนาฬิกาแบรนด์นี้ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ที่ใช้กลไกแบบควอตซ์กับนาฬิกาที่ดีไซน์แนวโมเดิร์น  ซึ่งเราก็ประทับใจมากครับ  แม้แบรนด์นี้จะเลิกกิจการไปแล้วก็ตาม  สุดท้ายแล้วเอชเอ็ม ไฟว์ก็เลยออกมาอย่างที่เห็น  ข้างนอกอาจจะดูหวือหวา  แต่ข้างในยังเป็นนาฬิกากลไกซับซ้อนตามแบบสวิสเซอร์แลนด์นั่นเอง"

เมื่อดูจากตระกูลโฮโรโลจิคัล แมชชีนที่เรียงรายกันออกมาในรูปแบบของยานพาหนะหลากหลายแล้วก็เป็นที่น่าสนใจว่าเอชเอ็ม 6 นั้นจะออกมาในรูปแบบใด  สำหรับตอนนี้นาฬิกาเอชเอ็ม ไฟว์ ออน เดอะ โร้ดอะเกน ชุดแรกในตัวเรือนเซอร์โคเนียมผลิตขึ้นมาให้จับจองกันเพียง 66 เรือนเท่านั้น