วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

กระเป๋าสตางค์

เราเรียกมันว่า "กระเป๋าสตางค์" แต่ใส่อะไรหลายอย่างไว้ในนั้น มิใช่เพียงแค่ "สตางค์" ดังชื่อ เราถือมันไปไหนมาไหนติดตัวไว้ตลอด วันใดลืมมันไว้ที่บ้านก็มักงุ่นง่านหงุดหงิดทำอะไรติดๆ ขัดๆ มิใช่เพียงเพราะไม่มีเงิน แต่เพราะไม่มีอะไรอีกหลายอย่างที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต อาทิ บัตรประชาชน, บัตรสมาชิกร้านอาหาร, บัตรส่่วนลดห้างสรรพสินค้า, บัตรนักศึกษา, บัตรสมาชิกฟิตเนส, ใบขับขี่และแน่นอน...บัตรเครดิต

เมื่อกระเป๋าสตางค์หายไป (หรือไม่ได้หยิบมา) สิทธิของชีวิตหลายส่วนจึงพลอยหายไปด้วย รูปแบบลักษณะของกระเป๋าสตางค์เปลี่ยนไปตามอายุของผู้ใช้ ในวันวัยที่ยังตัวเล็กเป็นเด็กน้อย เดินตามพ่อแม่ต้อยๆ เพื่อไปโรงเรียน น้อยคนที่จะใช้กระเป๋าสตางค์ใบใหญ่ หลายคนแค่ใส่เงินไว้ในกระเป๋ากางเกง วันละยี่สิบบาทหรือถ้ามากกว่านั้นก็แค่นิดหน่อย ไม่มีอะไรต้องซื้อหามากมาย ข้าวกลางวันโรงเรียนก็มีให้ ตกเย็นเดี๋ยวพ่อแม่ก็ไปรับหรือไม่ก็กลับรถโรงเรียน "ค่าใช้จ่าย" เป็นเรื่องเล็กในชีวิต "เย็นนี้จะเล่นอะไร" ยังเป็นเรื่องใหญ่กว่า เงินไม่กี่บาทนั้นก็ใช้มันไปกับการซื้อขนมนมเนย เอารสหวานของน้ำตาลมาปาดป้ายลิ้นเล่นพอเป็นพิธี พอโตขึ้นมาสักหน่อยเด็กน้อยบางคนอาจเริ่มใช้กระเป๋าสตางค์แบบช่องเดียว คือใส่แบงก์ใส่เหรียญใส่ทุกสิ่งอย่างไว้ในนั้นแล้วก็รูดซิป! เป็นกระเป๋าสตางค์ที่ใช้งานง่าย ใบไม่ใหญ่เกินตัว ยังไม่มีสิ่งอื่นใด เงินก็ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อยู่ดี
ความเปลี่ยนแปลงค่อยๆ ชัดเจนขึ้นพร้อมๆ กับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เมื่อขนเริ่มงอกจากหน้าแข้ง เริ่มแพลมออกจากจั๊กกะแร้ หน้าอกเริ่มแตกพาน เด็กหญิงเริ่มกลายเป็นเด็กสาว เอวคอด สะโพกผาย เปล่งประกายแห่งความเติบโต กระเป๋าสตางค์ใบเล็กๆ ที่เคยใช้เริ่มไม่พอใส่อะไรต่อมิอะไรในชีวิต แม้เงินไม่ได้มากขึ้นสักเท่าไหร่ แต่ชีวิตก็ไม่เรียบง่ายดังเดิม เริ่มจะต้องเรียนพิเศษ ต้องมีบัตรอาจารย์อุ๊, ครูลิลลี่, แอพพลายฟิสิกส์, ครูปิง ดาวองก์ ฯลฯ อีกมากมาย เริ่มสมัครสมาชิกร้านต่างๆ เริ่มเป็นผู่ใหญ่ เริ่มมีบัตรประชาชนที่มาพร้อมคำว่า "นาย" และ "นางสาว" เครื่องบอกใบ้ว่าเราไม่ใช่ "เด็ก" อีกต่อไปแล้ว
เด็กๆ มักรู้สึกตื่นเต้นกับการได้เป็นผู้ใหญ่ โลกเริ่มหมุนรอบตัวพวกเรา เราเริ่มอยากเปลี่ยนแปลงโลก นอกจากนั้นยังมีโลกอีกหลายใบที่ไหลมาหลอมรวมในชีวิตในความคิดและในกระเป๋าสตางค์ โลกใบนั้นคือโลกของเพื่อน เริ่มพกรูปเพื่อนๆ ติดกระเป๋า เพื่อย้ำเตือนว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว โลกใบนั้นคือโลกของคนที่เรารัก เรามักพกรูปของคนที่เราอยากเป็นแฟนกับเขาไว้ในกระเป๋าของเรา บ้างก็เป็นรูปเขาหรือเธอเดี่ยวๆ บ้างก็เป็นรูปที่ถ่ายคู่กับเรา เมื่อเปิดกระเป๋าออกมาเห็นก็ชื่นใจ
กระเป๋าสตางค์จึงต้องออกแบบโดย "เจาะช่อง" เอาไว้ให้ใส่รูปถ่าย "ช่องว่าง" นี้มักจะเป็นตำแหน่งของสิ่งที่เจ้าของกระเป๋าให้ความสำคัญที่สุด สำหรับหนุ่มสาวพวกเขามักมอบตำแหน่งนี้ให้กับแฟนหรือใครสักคนที่เขาแอบรัก (บางคนอาจใส่รูปนักร้องเกาหลี, ดาราญี่ปุ่นหรือนักร้องเมืองไทย) แต่สำหรับผู้ใหญ่หลายคนมอบ "ช่องสำคัญ" นี้ให้กับคนที่เขารักที่สุดคือ ลูก-เทวดาตัวน้อย บางคนก็ใส่รูปพ่อแม่เอาไว้ บางคนก็ใส่รูปครอบครัว กระเป๋าสตางค์ค่อยๆ ปูดนูนมากขึ้นตามอายุและความเป็นผู้ใหญ่ อาจจะใช่. เงินเยอะขึ้น แต่ภาระหน้าที่ต่างๆ ก็เยอะขึ้นตามไปด้วย หากวันใดว่างๆ มานั่งรื้อกระเป๋า เรามักฉงนกับตัวเองว่าบัตรต่างๆ นานาที่พกไว้นั้น เอาเข้าจริงมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรนัก
บางคนมีบัตรเครดิตของสารพัดธนาคาร คล้ายๆ จะเพิ่มความสะดวกสบาย แต่ที่จริงกลับเพิ่มรายจ่ายและต้องเหนื่อยกับการหารายรับมาชดใช้รายจ่ายที่ได้ "รูด" ไป บัตรสมาชิกร้านรวงต่างๆ ทำท่าว่าจะมีสิทธิพิเศษ แต่มันก็คล้ายๆ พันธนาการให้เราต้องไปใช้บริการซ้ำๆ ของห้างร้านเหล่านั้นอยู่บ่อยๆ เพื่อสะสมแต้ม แลกซื้อ หรือได้รับของรางวัลล่อใจต่างๆ นานา
การค้นกระเป๋าสตางค์ของผู้ใหญ่จึงชวนให้เหนื่อยมากกว่าหนุก มันสะท้อนว่าเราใช้เวลาไปแค่ไหนกับการ "บริโภค" ให้ความสำคัญแค่ไหนกับการ "จับจ่าย" และเหลือช่องว่างเท่าใดให้กับ "คนที่เรารัก" ยังไม่นับมูลค่าของกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงทั้งหลายที่ผู้คนพยายามซื้อหามาใช้กัน โลโก้สวยๆ ของแบรนด์ดังๆ บางครั้งมันก็สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในตัวเอง ต้องการสิ่งอื่นมายืนยัน "ความเป็นฉัน" ให้คนอื่นรู้ บางครั้งมันก็สะท้อนถึงความเปลี่ยวเหงา กระเป๋าราคาแพงแต่ไม่มีรูปของคนที่เรารักหรือมีรูปแต่ไม่มีเวลาให้ ก็คล้ายกับที่เขาว่าไว้ เงินซื้อผ้าห่มได้ แต่ซื้อความอบอุ่นไม่ได้ เช่นกัน, กระเป๋ษสตางค์ตุงๆ เต็มไปด้วยธนบัตรและบัตรเครดิต มิได้มีค่าเท่ากับ "ความสุข" เสมอไป ถ้าเจ้าของกระเป๋าไม่ได้มีเวลาให้กับ "คนสำคัญ" ในกระเป๋าสตางค์นั้น ก็ "คนสำคัญ" เหล่านี้มิใช่หรือที่ทำให้เรามีกำลังใจ ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป, มิใช่เงิน
กระเป๋าสตางค์เป็นสิ่งของที่จำลองสัดส่วนของการใช้เวลาในชีวิตกับความคิดว่าสิ่งใดสำคัญ และหลายครั้งที่มันแอบกระซิบกับเจ้าของกระเป๋าว่า "กระเป๋าที่ตุงเกินไป มันไม่ใช่ความสุข" จากหนังสือสิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา